หัวข้อของบทความนี้จะเกี่ยวกับฟรุกโตส คือ หากคุณกำลังมองหาเกี่ยวกับฟรุกโตส คือมาสำรวจกันกับKVGoldenGlovesในหัวข้อฟรุกโตส คือในโพสต์ชัวร์ก่อนแชร์ : น้ำตาลจากข้าวโพดสูง (High Fructose Corn Syrup) อันตราย จริงหรือ ?นี้.
Table of Contents
สรุปเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับฟรุกโตส คือในชัวร์ก่อนแชร์ : น้ำตาลจากข้าวโพดสูง (High Fructose Corn Syrup) อันตราย จริงหรือ ?โดยละเอียด
ที่เว็บไซต์KVGoldenGlovesคุณสามารถเพิ่มเอกสารอื่นที่ไม่ใช่ ฟรุกโตส คือเพื่อความรู้ที่เป็นประโยชน์มากขึ้นสำหรับคุณ ที่เพจKV Golden Gloves เราอัปเดตเนื้อหาใหม่และถูกต้องสำหรับผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง, ด้วยความตั้งใจที่จะให้บริการข้อมูลที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้งาน ช่วยให้คุณอัปเดตข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างละเอียดที่สุด.
การแบ่งปันบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับหมวดหมู่ฟรุกโตส คือ
บนสังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปบอกว่า น้ำตาลจากข้าวโพดสูง หรือ High Fructose Corn Syrup นั้นอันตรายกว่าน้ำตาลทราย และยังทำให้เกิดโรคมากมายอีกด้วย ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร ติดตามข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญ กับ คุณพีรพล อนุตรโสตถิ์ จากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์
🎯 ตรวจสอบกับ อาจารย์ ดร.จันทร์จิรา โพธิ์สัตย์
อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา
คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
🔎 ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย ณัฐวัฒน์ จิตรมั่น
—————————————————–
📌 สรุป : ✅ แชร์ได้ อธิบายเพิ่ม ✅
Q : ที่เขาแชร์กันถึงอันตรายของน้ำตาลข้าวโพดสูง
หรือ High Fructose Corn Syrup นี่จริงไหม ?
A : จริง ๆ แล้วถามว่ามันอันตรายไหม
ถ้าเรากินเกินที่เราแนะนำในแต่ละวัน
มันอันตรายอยู่แล้ว อาหารทุกประเภทเลย
Q : High Fructose Corn Syrup นี่คืออะไร ?
A : น้ำตาลจากข้าวโพดสูง
เราต้องบอกว่าเป็น High Fructose Corn Syrup
ตัวนี้มันทำมาจากแป้งข้าวโพด
แล้วไปผ่านกระบวนการทางเคมี
ซึ่งเหมือนแบบใส่เอนไซม์เข้าไปเพื่อเปลี่ยนโครงสร้าง
ตัว High Fructose Corn Syrup นี้
จะแตกต่างกับ Corn syrup หรือน้ำเชื่อมข้าวโพด
จากเดิมถ้าเป็นน้ำเชื่อมข้าวโพดโดยปกติ
มันจะมีส่วนประกอบที่เป็นกลูโคสแบบ 100 เปอร์เซนต์เลย
แต่ว่าพอมันเอามาเปลี่ยนให้เป็น High Fructose Corn Syrup
หรือน้ำตาลข้าวโพดสูง
มันจะปรับเปลี่ยนจากกลูโคสกลายไปเป็นฟรุกโตส
ประมาณ 50 เปอร์เซนต์ ครึ่ง ๆ
ด้วยส่วนประกอบมันก็เลยจะไม่เหมือนกัน
Q : แล้วแตกต่างจากน้ำตาลทรายยังไง ?
A : น้ำตาลทรายเราจะเรียกมันว่าซูโครส
ซึ่งส่วนประกอบของเขา มันจะมีทั้งกลูโคสและฟรุกโตส
ในสัดส่วนพอ ๆ กันประมาณครึ่ง ๆ เลย
ซึ่งพอมาเทียบกับตัวที่เป็น High Fructose Corn Syrup
ไม่ต่างกัน เพราะว่าส่วนประกอบของ High Fructose Corn Syrup
ก็มีทั้งฟรุกโตสและกลูโคสอยู่ ปริมาณใกล้เคียงกันเลย
Q : เขาบอกอีกว่าแหล่งของอาหารที่มี High Fructose Corn Syrup
คืออาหารและขนมสำเร็จรูป ?
A : จริง High Fructose Corn Syrup เขาจะมีราคาต้นทุนที่ถูกว่า
เพราะฉะนั้น มันมักจะถูกเลือกใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร
เพื่อให้รสชาติอาหารมันมีความหวานขึ้น
ที่เราเจอในปัจจุบันก็จะเป็นพวกขนม
เป็นเยลลี่ เป็นลูกอม เป็นพวกเครื่องดื่มหวาน ๆ
ก็จะเจอเยอะมาก
หรือแม้กระทั่งเป็นอาหารที่เอาไปใช้ประกอบอาหารคาว
พวกแบบซอสต่าง ๆ ก็เจอเหมือนกัน
Q : ที่แชร์กันบอกว่า High Fructose Corn Syrup ทำให้เกิดโรคมากมาย
เช่น ระบบเผาผลาญพัง โรคอ้วน ไขมันพอกตับ
เบาหวาน และความดัน จริงไหม ?
A : น้ำตาลฟรุกโตส มันจะสามารถเผาผลาญได้ที่ตับเป็นหลัก
โดยส่วนใหญ่
แต่ว่าถ้าปกติเรากินกลูโคสประเภทอื่น
มันก็จะเผาผลาญได้หลายที่ในร่างกาย
ที่นี้ผลผลิตที่ได้จากกระบวนการในการเผาผลาญ
มันก็จะมีกรดไขมันเกิดขึ้น
แล้วมันก็ยังมีตัวนึงพวกกรดยูริก
มันก็เลยเป็นประเด็นว่าถ้าเรากินฟรุกโตส
แล้วมันสามารถเผาผลาญได้แค่ที่ตับ
มันจะเป็นอันตรายมากกว่าหรือเปล่า
แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว มันก็มีการศึกษาที่ผ่านมา
ลองเปรียบเทียบอัตราเลยว่าผลผลิตที่มันเกิดขึ้นจริง ๆ ที่เรากังวล
คือมันไม่ได้มีสัดส่วนเยอะมากขนาดนั้น
ถ้าสมมติว่าเรากินไม่ได้เกินความพอดีต่อวัน
ร่างกายก็สามารถจัดการกับมันได้
มันไม่ได้เป็นอันตรายจนน่ากลัวกว่าน้ำตาลที่เรากินทั่วไป
Q : แล้วถ้านำ High Fructose Corn Syrup
มาใช้ประกอบอาหารแทนน้ำตาลทราย จะอันตรายกว่าไหม ?
A : ถามเรื่องของความเสี่ยงต่อสุขภาพว่า
ถ้ากิน High Fructose Corn Syrup
เอาไปปรุงประกอบแล้วมันแย่กว่าน้ำตาลทรายทั่วไปไหม
จริง ๆ มันก็ไม่ได้มีการศึกษาออกมาชัดเจนว่า
เมื่อกินติดต่อไปแล้วมันจะเห็นผลกระทบต่อสุขภาพมากชัดเจนขนาดนั้น
จริง ๆ การศึกษาในปัจจุบันมันยังมีข้อขัดแย้งกันอยู่เยอะมาก
เพราะว่าก่อนหน้านี้จะมีช่วงนึงเลยที่ทางฝั่งตะวันตก
เขาจะแบน High Fructose Corn Syrup
เพราะว่าเขาบอกว่าอัตราการอ้วนเยอะขึ้นมากเลย
แต่ว่าพอทำการศึกษาจริง ๆ แล้ว
เขาบอกว่า High Fructose Corn Syrup ที่มันอยู่ในอาหาร
ที่เรากินทั่วไป ปริมาณมันไม่ได้ส่งผลกระทบขนาดนั้น
เพราะว่าเราไม่ได้กินเพียว ๆ เข้าไปเยอะขนาดนั้น
คือมันยังมีส่วนประกอบสารอาหารอย่างอื่น
ที่ไปช่วยลดการดูดซึม การเผาผลาญตัวที่มันไม่ดีต่อร่างกายอยู่
Q : อาจารย์เน้นย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็น High Fructose Corn Syrup
หรือน้ำตาลประเภทอื่น ๆ
ถ้ากินมากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อร่างกายเหมือนกัน ?
A : น้ำตาลไม่ว่าจะเป็น High Fructose Corn Syrup
น้ำตาลทราย หรือ Sweeteners (สารให้ความหวาน) อื่น ๆ
ที่มันให้พลังงาน
มันจะมีผลต่อร่างกายถ้าเรากินเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ
หรือว่าเขาแนะนำก็คือ 6 ช้อนชาต่อวัน
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดในการกินอาหารพวกประเภทน้ำตาล
คือกินให้พอดี
Q : สรุปแล้วที่เขาแชร์กันเกี่ยวกับ
อันตรายของ High Fructose Corn Syrup นี่เป็นยังไง ?
A : ถ้าจะแชร์ต่อต้องเน้นข้อความว่า
High Fructose Corn Syrup จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ
ก็ต่อเมื่อคุณกินเกินประมาณที่มันพอดีต่อวัน
แต่ถ้ากินอยู่ในช่วงที่มันไม่เกิน คุณสามารถกินได้
แต่แค่อาจจะเพิ่มปริมาณพวกผัก ผลไม้อย่างอื่นให้มันพอดี
เพราะว่ามันจะมีส่วนอย่างเช่น พวกเส้นใยอาหาร
ที่มันช่วยลดการดูดซึมพวกไขมันหรือความหวานได้
👉 การรับประทานอาหารทุกชนิดควรรับประทานอย่างพอดีและเหมาะสม
#ชัวร์ก่อนแชร์ #sureandshare
—————————————————–
🎯 หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์” 🎯
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก
FB ::
Twitter ::
IG ::
Website ::
TikTok :: .
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหมวดหมู่ของฟรุกโตส คือ

นอกจากการดูข้อมูลเกี่ยวกับบทความนี้แล้ว ชัวร์ก่อนแชร์ : น้ำตาลจากข้าวโพดสูง (High Fructose Corn Syrup) อันตราย จริงหรือ ? ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถพบได้ด้านล่าง
คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลใหม่เพิ่มเติม
ข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับฟรุกโตส คือ
#ชวรกอนแชร #นำตาลจากขาวโพดสง #High #Fructose #Corn #Syrup #อนตราย #จรงหรอ.
ชัวร์ก่อนแชร์,sure and share,mcot,factsheet,fact,fact check,น้ำตาลจากข้าวโพดสูง,High Fructose Corn Syrup,HFCS,น้ำตาล,ข้าวโพด,อันตราย,สุขภาพ,อาหาร,โภชนาการ,ความหวาน,ฟรุกโตส.
ชัวร์ก่อนแชร์ : น้ำตาลจากข้าวโพดสูง (High Fructose Corn Syrup) อันตราย จริงหรือ ?.
ฟรุกโตส คือ.
เราหวังว่าการแบ่งปันที่เราให้ไว้จะเป็นประโยชน์กับคุณ ขอบคุณมากสำหรับการติดตามเนื้อหาฟรุกโตส คือของเรา
เราชอบมากจากลุงอุดรอามาตย์มนตรี
ผมแนะนำน้ำตาลกินเกินได้ แต่อย่ากินมันบ่อย ถึงน้อยแต่ทุกวันก็ไม่ดีเท่ากับการอดแล้วนานๆกินทีเพราะว่าร่างกายจะได้กำจัดออกมาให้หมดและจะไม่ติดน้ำตาลเพราะเราไม่กินทุกวันสุขภาพก็จะดีขึ้น
ขอบคุณค่ะอาจารย์🙏💝🌹
มีหมออาหารท่านนึงทำคลิปว่าสารนี้อันตรายขั้นสุดกินแล้วสารนี้จะไปที่ตับเป็นตับอักเสบเป็นไขมันพอกตับ ไม่บอกปริมาณอะไรเลย 😅
ไม่ต้องกินเลยดีไหมเอาดินต้มกินแทนน่าจะอันตรายน้อยเพราะแแปรรูปมาเปนพืชพอจะกินได้บอกอันตรายทำไงคิดว่าคนเราไม่กินทุกวันนะครับเพราะทุกคนเขาจะไม่มีตังซื้อมากิน
ทำไม เค้าพูดแบบนั้นล่ะ มันไม่มช่เนื่องจริงนะ HFCS มันอันตรายจริงๆ น้าา
ทีมงานมี counter opinion อีกมั้ยอ่ะ ลองหาดูมะ
อย่ากินเด็ดขาดครับ ฟังหมออเมริกา ดีกว่าครับ ค้นคำนี้ sugar is poison ใน youtube เลยครับ
ดูคำตอบในคลิปนี้
ระเอียดกว่าเยอะครับ
ชัดเจน
https://youtu.be/zKomjf4Wc9o
โลกไม่น่าอยู่ตั้งแต่เริ่มมีอุตสาหกรรมอาหาร น้ำตาลทรายก็มีฟรุกโตส อาหารแปรรูปหลายชนิดมีการเติมน้ำตาลทราย แม้กระทั่งร้านอาหารก็ใช้น้ำตาลทรายเป็นเครื่องปรุง บางคนสั่งก๋วยเตี๋ยวยังตักน้ำตาลใส่2-3ช้อน น้ำตาลทำให้เกิดการเสพติดเหมือนเฮโรอีน มอร์ฟิน เพราะมันกระตุ้นสมองตำแหน่งเดียวกัน นี่คือความน่ากลัว
6 ช.ช. ต่อวัน??
ไม่กิน
โอ้ยยร่างกายต้องการแค่ น้ำตาล6ช้อนชาต่อวัน(24กรัม)
คิดดูแป้ปซี่ 18กรัม นมเปีรี้ยว 22กรัม นมวัว 12-18 กรัม
นี่ยังไม่นับพวกเครื่องปรุงต่างๆอีกนะ เท่ากับถ้าคุณกินออฟชั่นด้านบนเสริมต่อวันก็เกินแล้ว
เลิกกินน้ำตาล ดูทรงจะดีสุด
จากอาการมีผลมากเพราะเป็นเบาหวานอยู่
การบอกว่าให้กินอาหารอื่น เช่นเส้นใยอาหารเพื่อลดการดูดซึมนั้น ในชีวิตจริงเรามักไม่ได้กินพวกนั้นพร้อมไปด้วย
น้ำจิงลดไขมันจริงหรือ
👍
"กินไม่เกินพอดีต่อวัน"
ลองไม่กินเลยสิ แล้ว ทำอาหารกินเอง ใช้น้ำตาลทราย ไม่ขัดสีหรือพวกน้ำตาลมะพร้าว
ในปริมาณเท่าๆกันแล้วลองวัดน้ำตาลดู แค่นี้มันก็ชัดแล้วครับ
ดีนะยุคนี้น้ำตาลทางเลือกเยอะ และสารให้ ความหวานมีค่อนข้างหลากหลายกว่ายุคก่อนๆ
และอย่างที่คลิปบอก น้ำตาลมันมีหลายชนิด เผาผลาญหลาญหลายแบบ
แต่จริงตรงที่ว่า ถ้าไม่กินเกินก็ไม่เป็นไร แต่ !? ปกติว่ากันห้ามกินน้ำตาลเกิน 20 -30 กรัมต่ำวัน
แต่ไฮฟรุกโตสคอนไซรัป และพวกคอนไซรัป มันมีแทบทุกอนูของอาหาร เครื่องดื่ม ขนม รอบตัว
ทำยังไงดีกว่า ให้กินได้ไม่เกิน คือยังไงก็เกินพันล้าน % ถ้าคนกินไม่ได้เป็นพวกนับน้ำตาลตลอดเวลา
เคยทานคีโต เลยมั่นใจว่า ไม่มีทางเลยที่คนทั่วไปที่ใช้ชีวิตในเมือง จะรอดพ้นจากการกินพวกนี้เกินกำหนด
ยากมากๆ คุณต้องทำอาหารกินเอง ไม่ก็ไม่กินผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปหรือดื่มน้ำหวานเลย
เห้อ สมัยนี้กินอะไรก็อันตรายทั้งนั้น กินข้าวโพดต้มยังมีแต่ยา ชาวไร่ข้าวโพดบ้านผมนี่ไม่กินข้าวโพดต้ม ปิ้ง อะไรเลย เพราะก่อนเก็บเกี่ยวเค้าจะเอาฟูราดานโรยที่หัวข้าวโพดเพื่อกันหนอนแมลงมากิน ข้าวโพดจะไม่สวยราคาจะตก เห็นคนกรุงเทพฯ กินข้าวโพดต้มนี่ ผมสยองแทน ฟูราดาน อย่างแรง สะสมมะเร็งไม่รู้ตัว และอย่าว่าแต่ข้าวโพดเลย คะน้านี่ก็สุดๆ ขี้เกียจพิมพ์ละ ดูแลตัวเองเยอะๆ ครับ
สามอันดับน้ำอัดลมยอดนิยม(สองน้ำดำ หนึ่งน้ำมะนาวใส) มีฟรุ๊คโต้ส 65% กลูโคส 35%ครับ…เกือบสองเท่า และไม่ใช่ครึ่ง-ครึ่งอย่างที่อาจารย์บอกครับ เพียงเพราะFDAยอมให้กระบวนการผลิตเบี่ยงเบนได้20% ทั้งสามยี่ห้อเลยใช้ข้ออนุญาตตรงนี้ เพิ่มฟรุ๊คโต้สขึ้นไปถึง65% เหลือกลูโคสเพียง35% เกิดการสะสมกไขมันจากฟรุ๊คโต้สเพิ่มขึ้นมาก
ในน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋อง มีน้ำตาลฟรุ๊คโต้ส 60-77กรัม (20-25ช้อนชา)…แค่นี้ก็เกิน6ช้อนชาที่อาจารย์พูดถึงแล้วครับ
ยังไงก็ไม่กล้าสรุปหรอก รอฝรั่งก่อนแล้วค่อยว่าตาม ปล่อยสุขภาพประชาชนหมดไปเพื่อพ่อค้าขายขนม
นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นคิดค้นการทำน้ำตาลฟรุ๊คโต้สจากข้าวโพด และอุตสาหกรรมอาหารเริ่มใช้ในน้ำอัดลมและอาหารแปรรูปในช่วงปี1970 ตอนที่บอยค็อตคิวบาซึ่งทำให้น้ำตาลทรายมีราคาสูงมาก…หลังจากนั้น โรคอ้วน โรคเบาหวาน Metabolic syndromesทั้งหลายเริ่มระบาดในเมกา จนเอาไม่อยู่ทุกวันนี้ รวมถึงอัลไซเมอร์ ไขมันพอกตับ-ตับอักเสบ-ตับแข็ง-การปลูกถ่ายตับ การดื้ออินสุลิน ฯลฯ
อยากให้อาจารย์ฟังคลิปเรื่องน้ำตาล ของRobert Lustig โดยเฉพาะHigh-fructose corn-syrup…
อาจารย์คงเข้าใจผิด ร่างกายใช้กลูโคสได้ทุกส่วน อย่างเก่งก็เก็บเป็นไกลโคเจนราว20% ส่วนฟรุ๊คโต้สไปเปลี่ยนที่ตับเป็นไขมัน(de nuovo lipogenesis)พอกเนื้อตับและอวัยวะอื่นๆเช่นหัวใจ หลอดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจ…ฟรุ๊คโต้สราคาถูกกว่าน้ำตาลทราย(จากคิวบา)และหวานกว่าน้ำตาลทรายราว50% จึงช่วยลดต้นทุนได้มาก ข้อกำหนด HFCS-55 คือไม่เกิน55% พอตรวจวิเคราะห์จริง กลับเจอ 65%
ถ้าการศึกษาผลเสียไม่แน่ชัดก็ควรหลีกเลี่ยงจะดีกว่า
ไม่กินดีที่สุด..เพราะคุณจะไม่รู้เลยว่าวันนี้คุณกินหวานมากขนาดไหน
กราบขอบคุณทืมงานทุกท่านสาระดืๆมืประโยชน์
อะไรที่ไม่เป็นธรรมชาติเข้าไปในร่างกายเป็นอันตรายอยู่แล้วครับ ยิ่งเผาผลาญได้เฉพาะที่ตับยิ่งเป็นตัวบ่งชี้ อีกทั้งแพทย์ที่น่าเชื่อถือหลายท่านออกมาให้ความรู้โดยมีเปเปอร์อ้างอิงหลายงานวิจัยบอกชัดว่าเป็นสาเหตุของไขมันพอกตับ
แก๊งค์ที่เล่นยิม ฟิตเนต จะห่างๆน้ำตาลประเภทนี้
น้ำตาล อันตรายจริง
เลิก กินมาสี่ปี ไม่เคยเป็นหวัด
.
สุขภาพดี สมวัย
.
น้ำตาล ในเลือดที่สูง
ทำให้เกิดการอักเสบ ทั่วร่างกาย
เป็นต้นเหตุ ป่วย
จากโรคไม่ติดเชื้อ NCDS
และร่างกายอ่อนแอต่อเชื้อโรค
ภูมิต้านทาน บกพร่อง
.
ขอบคุณครับ
ใช่ครับ กินไม่เยอะยังไม่เป็นไร ร่างกายยังรับมือไหว แต่กินเรื่อยๆร่างกายจะเริ่มเสพติดความหวาน ถ้าใจไม่แข็งก็อันตรายคับ เดี๋ยวร่างกายจะดื้ออินซูลินเอา
อาหารอุตสาหกรรมมันน่ากลัวกว่าที่คิด แนะนำดูรายการ สัตตะ ตอน เผด็จการรสชาติ
ข่าวขี้หมา
สรุปคืออาหารทุกอย่างต้องกินแต่พอดี
ไม่จริงครับ sucarlose
🤔🤔🤔🤔🤔