หมวดหมู่ของบทความนี้จะพูดถึงฟื้นฟูร่างกาย หากคุณต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับฟื้นฟูร่างกายมาวิเคราะห์กับKVGoldenGlovesในหัวข้อฟื้นฟูร่างกายในโพสต์EP.8 หมอสันต์ฟื้นฟูร่างกายหลังป่วยหนัก [Eng sub]นี้.

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับฟื้นฟูร่างกายในEP.8 หมอสันต์ฟื้นฟูร่างกายหลังป่วยหนัก [Eng sub]ล่าสุด

ชมวิดีโอด้านล่างเลย

ที่เว็บไซต์KVGoldenGlovesคุณสามารถอัปเดตข้อมูลอื่นนอกเหนือจากฟื้นฟูร่างกายได้รับความรู้ที่มีคุณค่ามากขึ้นสำหรับคุณ ที่เพจkvgoldengloves.com เราอัปเดตข้อมูลใหม่ๆ ที่ถูกต้องให้คุณอย่างต่อเนื่องทุกวัน, ด้วยความปราถนาที่จะมอบความคุ้มค่าสูงสุดให้กับผู้ใช้ ช่วยให้คุณอัปเดตข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างละเอียดที่สุด.

SEE ALSO  ลดน้ำหนัก 2 กิโลกรัม ภายใน 1 อาทิตย์🧃(ไม่ออกกำลังกาย ไม่อดอาหาร)กินคลีน+แจกฟรีตารางบันทึกการกิน!📝 | สรุปข้อมูลที่ปรับปรุงใหม่เกี่ยวกับลด น้ํา หนัก อาทิตย์ ละ 2 กิโล

การแบ่งปันบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อฟื้นฟูร่างกาย

หมอซัน พักฟื้นหลังป่วยหนัก ใช้เวลาเพียง 2 เดือน พักฟื้นที่ศูนย์ Wellness we care อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี หมอซันประสบอุบัติเหตุ กระดูกสันหลังหัก สะโพกหัก กระดูกข้อมือหัก 2 ข้าง ผ่าตัด 5 ชม. ใช้เลือด 7 ถุง และน้ำเกลือ 5,000cc. กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง หลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ แพทย์รับพักฟื้นที่ Wellness we care ติดตามเว็บไซต์: ติดตาม Line ID: ติดตาม Fanpage: ติดตาม Instagram: #หมอสาน #ฟื้นฟู #wellness .

SEE ALSO  # pattern of Rubik's cube 4×4 #Rubik's cube zone | ข้อมูลรายละเอียดมากที่สุดเกี่ยวกับผ นืำ 4

รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของฟื้นฟูร่างกาย

EP.8 หมอสันต์ฟื้นฟูร่างกายหลังป่วยหนัก [Eng sub]
EP.8 หมอสันต์ฟื้นฟูร่างกายหลังป่วยหนัก [Eng sub]

นอกจากดูข่าวเกี่ยวกับบทความนี้แล้ว EP.8 หมอสันต์ฟื้นฟูร่างกายหลังป่วยหนัก [Eng sub] สามารถรับชมและอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่าง

ดูข่าวเพิ่มเติมที่นี่

คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับฟื้นฟูร่างกาย

#EP8 #หมอสนตฟนฟรางกายหลงปวยหนก #Eng.

wellnesswecare,หมอสันต์.

EP.8 หมอสันต์ฟื้นฟูร่างกายหลังป่วยหนัก [Eng sub].

SEE ALSO  วิธีเลือกซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายที่บ้าน!! เลือกซื้อยังไง? ต้องมีงบเท่าไหร่? | เครื่อง ออก กํา ลังกา ย ใน บ้านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องที่มีรายละเอียดมากที่สุด

ฟื้นฟูร่างกาย.

เราหวังว่าเนื้อหาที่เราให้ไว้จะเป็นประโยชน์กับคุณ ขอบคุณมากสำหรับการติดตามข้อมูลฟื้นฟูร่างกายของเรา

48 thoughts on “EP.8 หมอสันต์ฟื้นฟูร่างกายหลังป่วยหนัก [Eng sub] | สรุปเนื้อหาที่เกี่ยวข้องฟื้นฟูร่างกายที่สมบูรณ์ที่สุด

  1. yisah Ihhaloh says:

    ไม่สบาย แต่.อจ.หมอ ยังทำความดี ได้ผลบุญมหาศาล แด่ ชาวโลก
    ขอให้เป็นชาวสวรรค์ของพระเจ้าค่ะ

  2. mr.rockFF999 says:

    สุดยอดคุณหมอค่ะ สู้สุดๆแม้ยาเจ็บป่วยยังเล่นกีต้าร้องเพลงได้ ขอให้คุณพระคุณเจ้าปกปักรักษาคุณหมอหายเร็ววันค่ะ ด้วยคุณงามความดีที่คุณหมอให้คำแนะนำการดูแลผู้ป่วยเบาหวานโดยไม่ใช้ยา และการดูแลตัวเองตามธรรมชาติ และก็ได้ผลจริงโดยสามีไม่ได้ใช้ยาเบาหวานจนทุกวันนี้สุขภาพดีกว่ากินยาโรงพยาบาลค่

  3. UncleAlex Hatyai says:

    ที่สุดของความชื่นชมใจเข้มแข็งและพร้อมที่จะถ่ายทอดออกมาเพื่อประโยชน์ของทุกๆคนแม้กระทั้งร่างกายป่วยแต่ใจยังเข้มแข็งมากไม่ป่วยซักนิด

  4. Usaporn Savadsaringkarn says:

    ขอโทษคุณหมอด้วยค่ะ ขอเรียนถามว่าตอนที่เกิดอุบัติเหตุนั้น คุณหมออายุเท่าไหร่คะ (สาวใสวัย 75)

  5. nina Chumnanvech says:

    CONGRATULATION DOCTOR SUUN, YOU'RE WONDER PATIENT…………..WELL EDUCATED, WISDOM OF LIFE, GREAT DETERMINATION, PATIENCE AND GREAT EDUCATOR…………..GOOD LUCK TO YOU, WITH GRAT HOPE FOR YOUR LONGIVITY, LIVE YOUR LONG LIFE WITH HEALTH AND HAPPINESS, CONTINUE TO SHARE YOUR MEDICAL KNOWLEDGE TO THE PEOPLE BEFORE YOU LEAVE THIS WORLD IN THE BETTER PLACE…………MY SINCERELY THANK YOU TO YOU………..THE SOLITUDE MAN.

  6. ธนู ผลบุญ says:

    ขอแชร์แบ่งปัน กลุ่มฟิตเนสน่าน สนามกีฬา อบจ.น่าน ขอของคุณครับ*22/12/22

  7. Sirikan Büchler says:

    คุณหมอเป็นคนอัจฉริยะ ขอให้มีความสุขและมีสุขภาพดีตลอดไปนะคะ

  8. Montha Saedan says:

    คุณหมอเก่งมากค่ะมีความพยามสามารถ​รักตัวเอง
    ทำให้ร่างกาย​แข็งแรง​ขึ้นโดยเร็วขอขอบพระคุณหมอที่แชร์ประสบการ
    ให้ดูและทำตามค่ะ

  9. วิรัลพัชร ฆารวิพัฒน์ says:

    ขอพระคุ้มครองท่านอาจารย์&ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่แชร์ประสบการณ์

  10. Itchaya Sitter says:

    อาจารย์คะดิฉันอยู่ฟลอริดาค่ะเพิ่งได้มาติดตามอาจารย์ตั้งแต่ตอนแรก ฟังเหมือนได้เข้าไปอยู่ในห้องเรียนจดแลคเชอร์ตามค่ะดูวันละตอนคืนนี้ที่เมกาวันที่20พย2565 ประทับใจในความอดทนและสู้ชีวิตในช่วงที่อาจารย์เจ็บป่วย คิดถึงตัวเองย้อนหลัง เมื่อต้องเข้าผ่าตัดไหล่ หลาย10ปีมาแล้ว หากวันนั้นได้เรียนรู้แบบอย่างของอาจารย์คงจะไม่ท้อ ขอติดตามอาจารย์ตลอดนะคะ ขอบคุณที่ได้ให้ความรู้ในทุกด้านทั้งจิตใจ จิตวิญญาณ สุขภาพ ทัศนคติในการใช้ชีวิต เพิ่มพลังบวกมากค่ะในช่วงสูงวัยแบบนี้

  11. genDD22 says:

    ตามมาจากคลิปความดันเลือดสูง …เห็นคลิปนี้ คาดว่าคุณหมอคงหายดีแล้ว อยากเห็นคุณหมอทำคลิปใหม่ๆอีกค่ะ

  12. Pornapa Methaweewongs says:

    ขอบคุณค่ะที่แบ่งปันประสบการณ์และความรู้ที่เป็นประโยชน์

  13. สุวพร รัชมาศ says:

    อาจารย์สถานที่ฟื้นฟู​ นี้อยู่ที่ไหน​ ราคาค่าห้องคิดอย่างไรค่ะ

  14. SLOWLIFE_CHILL says:

    ได้รับความรู้เรื่องโภชนาการและการฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจากอุบัติเหตุ​เป็นวิทยาทานที่มีประโยชน์มาก​โดยเฉพาะร่างกายสามารถฟื้นฟูได้ต้องใช้ความอดทนสูงและจิตใจที่เข้มแข็ง​ คลิปนี้ผมว่ามีประโยชน์กับทุกๆุคนที่มีความท้อแท้ในชีวิต​ ขอบคุณมากครับ👌👍💞😊

  15. ไม่เสียชาติเกิด says:

    การได้"เจโตวิมุตติ"ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด มันนำไปสู่ความรู้สึกว่า"เที่ยง"ของจิต มี"ความสุข"อันอิ่มใจ และมี"ตัวตน"  ส่วนจะพูดว่าไม่มี"ตัวตน" ไม่มี"เรา"ตลอดเวลาก็เพราะไม่ได้"ปัญญาวิมุตติ"ของจริง ไม่รู้จัก"นิพพาน"ของจริง ดังนั้น "ถ้าไม่รู้ว่าทำผิดอยู่" ก็หลงผิดไปไม่รู้จบ คนไม่เคยทำถูกเลยแม้"ลมหายใจสุดท้าย"ก็ยังผิด

  16. บัวลอย says:

    ตัวตนภายใน By TRUTH or LIES

    จิตของศิลปินหรือมนุษย์เป็นสังขตสังขาร หมายถึงจิตที่เกิดในโลกความคิดเป็นจิตธรรมดาเมื่อแรกตื่นนอน จากนั้นความคิดทำให้จิตทำกรรมเป็นอภิสังขตสังขาร หมายถึงจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในใจตลอดทั้งวัน
    1. เกิดโดยปุญญาภิสังขาร คือมีกุศลเจตนาที่เป็นกามาวจรและรูปาวจรทำให้เกิด เช่น จิตของศิลปินที่กำลังสร้างงานศิลปะด้วยอุดมคติที่ปรารถนาให้เกิดความงาม ความดี ความจริงอันเป็นนามธรรมในใจผู้เสพงานศิลป์ หรือมีอุดมการณ์เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีอย่างเป็นรูปธรรม มีศีลธรรมอันดีงามอภิสังขรณกสังขาร ทำให้จิตเกิดสืบเนื่องเป็นเทวดา ณ.ปัจจุบัน (formation consisting in the act of karma-forming)
    2. เกิดโดยอปุญญาภิสังขาร คือมีอกุศลเจตนาทั้งหลายทำให้เกิด เช่น จิตของศิลปินที่กำลังสร้างงานศิลปะเพื่ออวดตนว่าเก่ง เพื่อเอาชนะใครบางคน มีความหิวกระหายทางใจด้วยจิตเป็นเปรตหรืออสุรกาย บ้างเพื่อปลุกระดมมวลชนให้ใช้ความรุนแรงต่อสู้กับอีกฝ่ายที่มีอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน มีความคิดความเห็นด้วยจิตเป็นอสุรกายหรือสัตว์นรก เพราะอภิสังขรณกสังขาร ทำให้จิตเกิดสืบเนื่องเป็นเช่นนั้น ณ.ปัจจุบัน (formation consisting in the act of karma-forming)
    3. เกิดโดยอาเนญชาภิสังขาร คือมีกุศลเจตนาที่เป็นอรูปาวจรทำให้เกิด เช่น จิตศิลปินหลังจากสร้างงานศิลปะด้วยอุดมคติเพื่อความว่างอันปรุงแต่งจากมโนสัญเจตนา แล้วยึดมั่นในการปฏิเสธอารมณ์จากสิ่งที่มากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีความหลงอันเป็นโมหะด้วยจิตเป็นเดรัจฉาน(แต่ถ้าเข้าฌานจิตก็เป็นพรหม) เพราะปโยคาภิสังขาร ทำให้จิตเกิดสืบเนื่องเป็นเช่นนั้น ณ.ปัจจุบัน (formation consisting in exertion or impetus)

    การบรรลุตัวตนภายในคือการใช้อภิสังขตสังขาร มาสร้างงานศิลปะไม่ว่าจะเป็น การร้องเพลง เล่นดนตรี การแสดงทุกรูปแบบ การผลิตสร้างสรรค์ใดๆอันเป็นวรรณศิลป์ บทกวี นิยาย เรื่องสั้น จิตกรรม ประติมากรรม ฯ ด้วยกายสังขาร,วจีสังขาร หรือมโนสังขาร

    อวิชชาร่วมกับอาสวะกิเลส เป็นปัจจัยจึงมีสังขาร อันเป็นเหตุให้เกิดตัวตนภายในของศิลปินหรือมนุษย์ คือจิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ไม่ใช่ตายแล้วจิตออกจากร่างไปเวียนว่ายตายเกิดอย่างฮินดู ตัวตนภายในจึงไม่ได้เป็นวิญญาณเที่ยงแท้ถาวรที่เรียกว่าชีวาตมัน

    ศิลปินหรือมนุษย์ผู้หลุดพ้นจึงหมายถึง"การบรรลุตัวตนภายในขั้นสูงสุด คือพ้นจากการมีตัวตนเพื่อจะไปถึงเป้าหมายใดๆ หรือยึดมั่นการไม่มีเป้าหมายใดๆ" จิตว่างคือจิตที่ไม่ถูกครอบงำด้วยโมหะอันได้แก่ อุดมคติ อุดมการณ์ และการปรุงแต่งความว่าง

  17. บัวลอย says:

    บางคนอาจพูดถึงอุดมคติของงานศิลป์นั้นต้องมีความงาม และความงามนั้นควรให้ความดีและความจริงกับสังคมได้บ้าง มิใช่เป็นศิลปะที่เกิดจากการกระทำเพื่อฆ่าเวลาของคนหนึ่งแล้วคนอื่นๆก็ใช้มันฆ่าเวลาไปวันๆ มันควรเป็นสิ่งที่มาจากปัญญาและทำให้ผู้เสพได้เกิดปัญญาจึงจะพูดได้ว่าเป็นศิลปะมีคุณค่า แต่บางคนก็อาจจะพูดถึงอุดมการณ์ของงานศิลป์ว่าต้องรับใช้สังคม ช่วยปลุกจิตสำนึกให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันเป็นรูปธรรมมิใช่เพียงอุดมคติอันเป็นนามธรรม ไม่ว่าจะเป็นงานวรรณกรรม บทกวี บทเพลง ควรกระตุ้นให้มวลชนทำอะไรเพื่อสังคม งานศิลป์นั้นจึงมีคุณค่าอย่างแท้จริง หรือบางคนอาจจะปฏิเสธทั้งอุมคติและอุดมการณ์ว่ามันอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือของคนบางคน คนบางกลุ่มเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ศิลปะควรเป็นศิลปะที่ให้อิสระกับผู้เสพโดยไม่มีเงื่อนไข รวมไปถึงว่าจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ จะเข้าถึงหรือไม่เข้าถึง ไม่ใช่เป้าหมายของ ศิลปิน เพราะผลงานนั้นได้สนองตัวตนของ ศิลปิน จบแล้ว เป็นการสำเร็จความใคร่หรือการถึงจุดสุดยอดของ ศิลปิน ก็แค่นั้น

    แต่บางคนก็แย้งว่าศิลปะเพื่อตนเองไม่ใช่ศิลปะ ถ้าปราถนาเพียงสนองความใคร่ที่ได้สร้างงานจบได้ ย่อมไม่จำเป็นในการเผยแพร่สู่สาธารณะชน ในเมื่อไม่มีการปรากฏต่อโลกเสียแล้วการเป็น ศิลปิน ก็ไม่มี การเก็บไว้ชื่นชมเอง หรือภูมิใจกับมันย่อมทำได้ บุคคลเช่นนี้จิตใจอาจจะสูงส่งกว่า ศิลปิน ที่ขายผลงานเพื่อเงิน แม้แต่ความเป็น ศิลปิน ที่มีคนชื่นชมยกย่องก็ไม่กระสันได้มา ด้วยปรีชาญาณ(Intellect)และปัญญาญาณ(Intuition)ที่ทำให้อยู่เหนือกิเลส จึงไม่เห็นว่าสิ่งที่ทำเป็นศิลปะหรือไม่ แต่ทำด้วยความเต็มเปี่ยมของจิตใจที่ไม่มีใครอยู่ในใจ ไม่ต้องเอาชนะใคร ไม่ต้องเจ๋งกว่าใคร ไม่มีตัวตนอันหมายให้ใครคิดคำนึง หรือปรากฏในใจเขาว่าเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ จึงไม่อาจมีใครเรียกว่าเป็น ศิลปิน แม้จะเดินปะปนผู้คนในสังคมก็แยกความต่างไม่ได้ ผิดกับ ศิลปินบางคน ที่ปรากฎตัวแล้วใครๆก็ดูออกว่าเป็น ศิลปิน

    ปรีชาญาณ(Intellect)และปัญญาญาณ(Intuition) จึงเป็นเรื่องที่ควรรู้จักมันให้ถ่องแท้ไม่ว่าจะใช้มันเพื่อสร้างศิลปะหรือไม่ เพราะการใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะนั้นสำคัญกว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอย่างมีศิลปะหลังจากพระองค์ได้ทรงตรัสรู้ ผู้ที่เข้าถึงงานศิลปะได้ดีย่อมต้องมีปัญญาสามารถเข้าถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ไม่ยาก เพราะศิลปะนั้นขัดเกลาจิตใจมนุษย์ได้ การสร้างและการเสพงานศิลปะทำให้เกิดความสุข ความสุขในอารมณ์เดียวช่วยให้จิตสงบและเกิดความตั้งมั่น จิตที่ตั้งมั่นมีสติเป็นสมาธิที่ดีอันสามารถทำให้เกิดปัญญา ในทางโลกมีปัญญาเพื่อดำเนินชีวิตอย่างมีศิลปะ ในทางธรรมมีปัญญาเพื่อเห็นสัจธรรม เห็นความไม่เที่ยง เห็นความทุกข์ เห็นความเป็นอนัตตา จนวันหนึ่งจิตได้ยอมรับสัจธรรมหมดความดิ้นรน เพราะความเป็นตัวตนไม่มี ความยึดมั่นไม่มี ตถาคตหมายถึงเราที่หลุดพ้นเช่นนี้ ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต มิใช่เห็นพระพุทธเจ้าแต่เห็นเรานี่เอง เราที่ไม่ใช่ชีวาตมัน

    การบรรลุตัวตนภายในคนละอันกับอีโก้ คนละอันกับชีวาตมัน และมันไม่ใช่ชีวาตมันที่บรรลุถึงปรมาตมันอีกด้วย คำสอนของฮินดูมีนัยยะว่าการบรรลุถึงปรมาตมันคือการที่ตัวตนภายในคืนกลับสู่ความเป็นเทพเจ้า ซึ่งมนุษย์ทุกคนสามารถทำได้ แต่การบรรลุตัวตนภายในผมหมายถึงการเข้าถึงสังขารที่อธิบายไว้ในคำสอนศาสนาพุทธนั่นแหละครับ

  18. บัวลอย says:

    "นิรวาณ" ของศาสนาเชน และ "โมกษะ" ของศาสนาพราหมณ์ คือการชำระล้างบาป (กรรม) จน "วิญญาณ" บริสุทธ์ เมื่อตายจะได้กลับสู่เบื้องบน เป็นความเชื่อที่มีมาก่อนพุทธกาล ยังไม่มีใครสอนเรื่อง อิทัปปัจจยตา (ปัจจัยให้เกิดรูปกาย) และปฏิจจสมุปบาท (ปัจจัยให้เกิดนามกาย) ดุจสองด้านของเหรียญเดียวกันของอนัตตา (ตัวตนที่ไม่ใช่เรา) พระพุทธองค์เป็นกบฏต่อความเชื่อของ "ปรัชญาจิตนิยม" ปฏิเสธว่ามนุษย์มี "ตัวตนเที่ยงแท้ถาวร" คงอยู่เมื่อตาย พระองค์สอนว่า "นิพพาน" คือการสิ้นปัจจัยอันทำให้มีการเกิด "รูปกายและนามกาย" ในปัจจุบัน (ไม่ใช่ตายแล้วไปแดนนิพพาน)

    Cr. กบฏออนไลน์

  19. บัวลอย says:

    อัตตโนภาษิต (ปรัชญาร้อยกรอง)
    ของหลวงพ่อเกษม เขมโก (14 มกราคม 2533)
    1. การเห็น (ด้วยญาณปัญญา)
    เป็นเหตุแห่งการคิด (ด้วยปรีชาญาณ)
    2. การคิด (ด้วยปรีชาญาณ)
    เป็นเหตุแห่งการเห็น (ด้วยญาณปัญญา)
    3. ถ้าคิดดี (เพราะยังมีตัวตน)
    ก็เป็นทางเย็น (ได้เจโตวิมุตติ)
    4. คิดไม่เป็น (เพราะไม่มีตัวตน) ก็เย็นสบาย ฯ
    (ได้ปัญญาวิมุตติ)

    จำแนกแจกแจงเป็นกามาวจรโสภณจิตได้ 24 ดวง
    ก. มหากุศลจิต 8 ดวง
    ข. มหาวิบากจิต 8 ดวง
    ค. มหากิริยาจิต 8 ดวง
    มหากิริยาจิตนี้เป็นจิตของพระอรหันต์ สิ้นกิเลสโดยสิ้นเชิงแล้ว การทำ การพูด การคิด เหล่านั้น หาได้ก่อให้เกิดผลในอนาคตต่อไป ฉะนั้นการทำ การพูด การคิดจึงเป็นแต่เพียงสักแต่ว่า จึงใช้ว่า “กิริยาจิต”

  20. บัวลอย says:

    อันเจ้ากรรมนายเวรเป็นตัวตน
    ผู้ทุกข์ทนเฝ้ารอนั้นไม่มี
    จะเป็นเทพวิญญาณหรือเป็นผี
    ในโลกนี้ใช่มีอย่างเชื่อกัน

    กรรมที่ทำบันทึกอยู่ที่ไหน
    รู้แก่ใจของตนอยู่ทุกวัน
    แม้จะลืมเรื่องราวผ่านมานาน
    แต่ว่ามันคงอยู่ในจิตตน

    วิบากกรรมแสดงออกทางจิต
    ส่งให้คิดพูดทำซ้ำเวียนวน
    สืบสันดานลูกหลานของทุกคน
    แล้วออกผลเป็นทุกข์ย้อนคืนมา

    ทำเขาไว้เขาตายไม่รับรู้
    สิ่งคงอยู่คือกรรมสร้างตัณหา
    ตามหลักอิทัปปัจยตา
    จึงนำพาชีวิตให้เป็นไป

    จากพ่อแม่มาลูกไปถึงหลาน
    ดลบันดาลเรื่องราวได้มากมาย
    เฉกเช่นหน้าตาและร่างกาย
    ทั้งโรคร้ายเจ้ากรรมนายเวรเรา

    ตีหัวเขาใช่เขามาตีกลับ
    คนที่รับวิบากเกินคาดเดา
    จะลูกหลานสัตว์เลี้ยงพ่อแม่เรา
    ผลเป็นเงาใช่เขามากระทำ

    อุบัติเหตุหรือป่วยทรมาน
    ใช่วิญญาณอาฆาตมาติดตาม
    เขาตายแล้วไม่รู้ไม่จดจำ
    วิบากกรรมไม่ช้าก็เร็วมา

    สาวไปไกลถึงกรรมของเผ่าพันธุ์
    วัฏฏะนั้นยาวเกินหยั่งรู้หนา
    จึงมีแก่มีเจ็บมรณา
    สังขาราปรุงแต่งสารพัน

    ความบังเอิญไม่มีมันจริงไหม
    เพียงดูกายดูใจไปทุกวัน
    ดูรูปนามความจริงของธาตุขันธ์
    แล้วสักวันจะรู้ถึงที่มา

    เห็นเจ้ากรรมนายเวรแล้วจะรู้
    นรกอยู่ไม่ไกลอย่าได้ท้า
    ทำตัวเองใช่ใครเขาตามล่า
    ถึงเวลาลงทัณฑ์ไม่เลือกยาม

    ลงที่ใครไม่รู้รอดูเอา
    แม้ว่าเขาอภัยไม่เอาความ
    จะพ่อแม่ลูกหลานหรือผู้ทำ
    วิบากกรรมไม่ลืมคอยเอาคืน

    ความคุ้นชินดีชั่วล้วนมีผล
    กระทำตนเช่นไรไม่เป็นอื่น
    แก้สันดานแก้กรรมจึงต้องฝืน
    จนรู้ตื่นเบิกบานด้วยตนเอง

    เครดิต พุทธะ ธาตุ

  21. บัวลอย says:

    อริยสัจ4 ของรูปธรรม (เจริญถึงอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ) 
    ทุกข์รูปธรรม-ความแก่ ความเจ็บ ความตายของร่างกาย (ในแต่ละช่วงวัยของชีวิต) 
    สมุทัยรูปธรรม-การเกิดตัวตนทางกาย (จึงไม่พ้นต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย) 
    นิโรธรูปธรรม-ไม่มีตัวตนเป็นทายาทสืบทอดธาตุขันธ์อีกต่อไป (ไม่มีลูก) 
    มรรครูปธรรม-มรรคอันทำให้บริสุทธิ์ทางกาย (อินทรีสังวรศีล-วิราคะ) 

    อริยสัจ4 ของนามธรรม (เจริญถึงสอุปาทิเสสนิพพานธาตุ) 
    ทุกข์นามธรรม-ความนึกคิดปรุงแต่งต่อ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ในแต่ละช่วงเวลาของวัน) 
    สมุทัยนามธรรม-การเกิดตัวตนทางใจ (จึงมีตัณหา 3 ไม่สิ้นสุด) 
    นิโรธนามธรรม-ไม่มีตัวตนเป็นโอปปาติกะในความนึกคิด (วิสังขาร) 
    มรรคนามธรรม-มรรคอันทำให้บริสุทธิ์ทางใจ (เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ)

     by TRUTH or LIES

  22. บัวลอย says:

    "จักรวาลกิมย้ง" เป็นนิยายกำลังภายในที่มีตัวละครสมมุติ ไม่ต่างกับ "ตัวตนนามธรรม" (นามกาย) ใน "จักรวาลพระไตรปิฎก" ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวภายในใจของมนุษย์ มากกว่ายึดถือเอาตามประวัติศาสตร์ว่าเป็น "ตัวตนรูปธรรม" มีความสามารถเกินมนุษย์จริงๆ การดูหนังจีนหรือหนังแขก จะดูเอาความบันเทิงหรือดูเอาความหมายของอุปมาอุปมัย ก็ได้ประโยชน์ไปตามแต่สติปัญญาของแต่ละคน ดังนั้นต่างก็เลือกนิยมพุทธนิกายให้ตรงจริตตัวเอง และยอมรับผู้อื่นที่มีความเข้าใจคำสอนไปคนละอย่าง

  23. บัวลอย says:

    ผมรู้ดีว่าคำสอนเรื่องตัวตนของฮินดูกับพุทธนั้นไม่เหมือนกันครับ การมาแสดงความเห็นครั้งนี้มิได้ต้องการชี้ว่าของใครผิดหรือถูกนะครับ แต่เป็นการบอกเล่าให้คนที่ยังไม่เข้าใจได้เข้าใจถึงความต่างกัน ป้องกันการสับสนที่จะเกิดกับบางคนต่อไปในวันหน้า ดังเช่นชาวตะวันตกเกือบทั้งหมดที่ไม่สามารถแยกความต่างระหว่างฮินดูกับพุทธได้ อีกทั้งคนไทยที่นับถือพุทธส่วนใหญ่ก็มีความเชื่อปะปนกับความเชื่อฮินดู หรือไม่ได้ตระหนักว่าเมื่อครั้งหลังพุทธกาลนั้น คำสอนของพระพุทธเจ้าถูกนำมาช่วยแก้ไขคำสอนพราหมณ์แล้วเปลี่ยนเป็นศาสนาฮินดู จนกระทั่งกลืนศาสนาพุทธหมดไปจากอินเดียในเวลาต่อมา

    คำว่าโอปาปะติกะในศาสนาพุทธใช้เรียกการเกิดขึ้นของตัวตนภายใน คือการอุบัติขึ้นของความเป็นเราในโลกความคิด สามารถแจกแจงที่มาที่ไปได้ด้วยการอุปมาอุปมัยเป็น เปรต อสุรกาย สัตว์นรก เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา เทพ พรหม การดูละครที่แสดงนั้นผู้แสดงได้ใช้ตัวตนภายในนี้สวมบทบาทสมมุติตามบทประพันธ์ ซึ่งในชีวิตจริงเราก็ใช้ตัวตนภายในนี้สวมบทบาทเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นผัวเป็นเมีย เป็นมิตรเป็นศัตรู เป็นนั่นเป็นนี่สารพัดไม่ผิดกับที่อุปมาอุปมัยไว้ ในแต่ละวันตัวตนนี้ขึ้นสวรรค์ลงนรกกันภายในกายภายในใจทั้งๆที่ยังไม่ตาย ตัวตนที่มันเกิดแล้วตายอยู่ภายในคือคำสอนของศาสนาพุทธเรา หวังว่าผู้อ่านจะแยกแยะไม่อิงความเชื่ออันปะปนกับของเขา

    ขอเพิ่มเติมไปถึงคนในปัจจุบันนี้ด้วยครับ การเกิดขึ้นของตัวตนภายในมันมีที่มาที่ไปอย่างไร ทำให้เราแสดงบทบาทในชีวิตอย่างไร พระพุทธเจ้าท่านทรงอธิบายด้วยหลักปฏิจจสมุปปบาท ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาทผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้เห็นธรรมนั้นเห็นตัวตนภายในที่อุบัติขึ้น เกิดขึ้นอย่างที่เรียกว่าโอปะปาติกะ นิพพานคือตถาคตไม่เกิดเป็นอะไรแล้ว ทั้ง เปรต อสุรกาย สัตว์นรก เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา เทพ พรหมในขณะยังมีชีวิต มีธาตุมีขันธ์ครบถ้วน เป็นคำอธิบายที่ต่างจากความเชื่อของชาวพุทธส่วนใหญ่หรือนิกายอื่นสอนกัน การไม่เอาไตรสิกขา ไม่เรียนรู้อริยสัจให้แจ่มแจ้งย่อมคิดเอาเองจนหลงตัวตน อวดเก่งเกินพระพุทธเจ้าจึงมีให้เห็น

    เมื่อบอกว่าการเกิดตัวตนเช่นนี้เกี่ยวข้องด้วยสัญญาที่ปรุงแต่งความคิดทำให้เป็นทุกข์ พาลสอนว่าการดับความคิดคือการดับความทุกข์นั้นคือความเขลาเบาปัญญา เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้มักง่ายอย่างนี้ มันทำที่สุดแห่งทุกข์ไม่ได้จริง อุบายทั้งหลายที่ครูบาอาจารย์สอนให้พ้นจากความคิดเพื่อจะได้เข้าถึงความเป็นกลาง เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้กายใจอย่างที่มันเป็น เพื่อใช้เจริญสติปัฏฐานด้วยสมาธิภาวนา แล้วจะได้มีญาณทัสสนะเห็นธรรมตามที่พระพุทธเจ้าสอน นำไปสู่อริยมรรครู้แจ้งหลุดพ้นความยึดมั่นตามลำดับ ไม่ใช่เลิกคิดแล้วหลุดพ้นจบกิจหมดสงสัยได้นิพพาน สอนให้เข้าใจแบบตื้นๆ พาคนหลงผิดโดยไม่เฉลียวใจ

    ความคิดเปรียบดังกระแสลมที่โหมพัดไฟให้ลุกโชน ความคิดอาจทำให้ความทุกข์เพิ่มทวีขึ้นและลดลงเมื่อลืมคิด แต่การดับความคิดไม่ใช่ดับความทุกข์ ไม่ใช่การดับไฟจนสนิทอย่างแท้จริงครับ

    การถือเอาฉันคือตัวตนที่พ้นสภาพบุคคลเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งนั้นขัดกับอนัตตา ตถาคตเป็นเพียงสรรพนามที่ใช้แทนผู้พูด แต่ไม่ได้หมายความว่า ตายแล้วยังมีตถาคตกลับไปสู่พรหมัน สิ่งที่ว่านี้จะมีอยู่หรือไม่มีหลังเราตายมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา มันไม่มีตัวตนใดๆเป็นเราตามที่ฮินดูสอน ส่วนใครจะเข้าใจแบบมหายานก็มีสิทธิ์ตีความได้ แต่สำหรับพุทธเถรวาทไม่ได้สอนแบบเขา 

    ผมไม่ได้ห้ามใครเชื่อตามเขา หรือตำหนิการนับถือศาสนาอื่นร่วมด้วย แค่ชี้แจงตรงนี้ว่ามันต่างกันนะ อย่าได้สับสนครับ

    เครดิต: ใคร? เป็นใครไม่รู้

  24. บัวลอย says:

    ชาวพุทธไทยส่วนใหญ่มองความจริงผ่านแว่นตาที่ชื่อว่า"ปรัชญาจิตนิยม"ซึ่งมีมาก่อนพุทธกาล โดยเชื่อกันว่ามีจิตอมตะหรือวิญญาณนิรันดร์เป็นเราที่คงอยู่หลังจากตาย การตีความพระไตรปิฎกจึงผิดเพี้ยนเปลี่ยนสีไปตามแว่นตาที่ชื่อ"ปรัชญาจิตนิยม" ถ้าไม่ถอดแว่นตานี้ก่อนย่อมไม่มีทางเข้าใจคำอธิบายใดๆได้เลย

    บัวลอย by อุคคฏิตัญญู

    เสียงและจิตไม่สามารถเกิดขึ้นเองโดยไม่มีองค์ประกอบทางกายภาพที่เป็นเครื่องดนตรีหรือมนุษย์ 
    การเปลี่ยนระดับเสียงตามเจตจำนงในขณะนักดนตรีใช้นิ้วเคลื่อนที่ไปตามสายย่อมไม่ต่างกับจิตเคลื่อนที่ร่วมกับเจตสิก
    ความรู้สึกนึกคิดจึงเป็นเหมือนทำนองเพลง โน้ตแต่ละตัวก็เป็นเช่นเดียวกับวิญญาณที่เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป 

    จะเห็นได้ว่าจิตเป็นกระแสที่สืบเนื่องดุจเดียวกับการสีซอ จิตจึงไม่ได้เกิดมาก่อนกายและใจ เสียงซอไม่ได้เกิดขึ้นก่อนตัวซอและคันชัก
    วิญญาณและเสียงโน้ตที่เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปได้ต้องมีปััจจัยที่กล่าวมาครบถ้วน มันจึงเป็นผลผลิตของสิ่งที่มาประกอบกันเท่านั้น 
    หาได้เกิดเองหรือดำรงอยู่ด้วยตัวมัน
    จิต มโน วิญญาณจึงเป็นเนื้อเดียวกันที่สืบเนื่องตามหลักปฏิจจสมุปบาท ส่วนปัจจัยที่ประกอบเป็นมนุษย์อาศัยหลักอิทัปปัจจยตา 

    ดังที่อุปมาเช่นซอที่มีองค์ประกอบครบจึงจะเกิดเสียง เกิดทำนอง เกิดบทเพลงขึ้นมาได้
    จิตหนึ่งคือจิตที่ยังไม่เคลื่อนที่ร่วมกับเจตสิก เช่นเดียวกับการสีคันชักด้วยมือขวาแต่ว่ามือซ้ายยังไม่กดสายให้เกิดทำนอง
    เมื่อสายขาดหรือซอพังคันชักก็ไม่สามารถทำให้เกิดกระแสเสียง มนุษย์ที่ตายแล้วจึงไม่มีกระแสจิต

    บทความของ: เก้า พุทไธสง

  25. じゃすてぃんばーびー says:

    ไม่ทราบว่าคุณหมอประสบอุบัติเหตุ ค่ะ คุณพระคุ้มครองค่ะ

  26. Siriporn Chaiya-o-cha says:

    เชื่อมั่น ศรัทธา รักในความมุ่งมั่น
    แน่วแน่ของคุณหมอ นับถือจริงๆ ค่ะ..สามารถฟื้นฟูให้กลับมาดังเดิม

  27. จิตต์ศรี คุณากรโยธิน says:

    ดูเป็นครั้งที่สอง ดาวน์โหลดไว้แล้ว ขอบคุณ คุณหมอสำหรับวิธีปฏิบัติฝึกตนเพื่อไม่ทุกข์เมื่อวิกฤต

  28. Ritdechyai99999 says:

    หมอมีความรู้ที่ดี จึงรู้วิธีบำบัดตัวเองให้หายเป็นปกติได้ คนมีความรู้มักจะไม่ค่อยเป็นอะไร และเอาชีวิตรอดจากความตายได้ดีกว่าคนที่ไม่มีความรู้

  29. somphop trakunsuk says:

    ดูแล้ว เห็นแล้วขนลุก น่านับถือยิ่งกว่าเทพเจ้าอีกท่านเข้มแข็งเหลือเกิน ทั้งจิตใจและร่างกาย

  30. somphop trakunsuk says:

    จิตใจคุณหมอเข้มแข็งและดี เกินคนจริงๆ ยอดมนุษย์ตัวจริง

  31. คามาโดะ เนซึโกะ says:

    สุดยอดบุคลากรทางการแพทย์ของไทย
    ภูมิใจกับคนไทยด้วย
    แม้ป่วยยังถือโอกาสสอนประชาชนไทย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *